e LEARNING LOG f
วิชา ง30206 การตัดต่อภาพยนตร์ ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2550
อาจารย์ประจำวิชา อาจารย์ชยการ คีรีรัตน์ อาจารย์นิสิต กันตพงศ์ ปิ่นปัทมเรขา
อาจารย์นิสิต มารีน่า จงเลิศเจษฎาวงศ์
บันทึกประจำวันที่ …12../….11.…/….50.….
ชื่อ-นามสกุล…ด.ช.…กฤตภาส…ภิรมจิตรผ่อง…………..
ชั้น………………3/1……………………เลขที่…………1………….
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเรียนการสอนในวันนี้……ได้รู้วิธีการตัดต่อคลิปไห้เชื่อมันเละสร้างภาพสีด้านหลัง……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….......
ประโยชน์ที่จะนำไปใช้ในการทำงานกลุ่ม……ได้ช่วยเพื่อนได้ทำงานร่วมกัน……………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
สิ่งที่จะไปค้นคว้าเพิ่มเติม…วิธีรใช่โปรแรมUlead…หาข้อมูลโรงเรียน……………………………………………………………………...
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….......
………………………………………………………………………………………………….......
ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม…………………………………………………………………………………...
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….......
………………………………………………………………………………………………….......
________________________________________________
วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
การเรียน Ulead
วิชา ง30206 การตัดต่อภาพยนตร์ ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2550
อาจารย์ประจำวิชา อาจารย์ชยการ คีรีรัตน์ อาจารย์นิสิต กันตพงศ์ ปิ่นปัทมเรขา
อาจารย์นิสิตมารีน่า จงเลิศเจษฎาวงศ์
บันทึกประจำวันที่ …….5./….11.…/….50.….
ชื่อ-นามสกุล…ด.ช.…กฤตภาส…ภิรมจิตรผ่อง….
ชั้น……………3/1………………เลขที่…………1………….
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเรียนการสอนในวันนี้………ได้รู้จักกับโปรแกรม Ulead Video Studio และการสร้างภาพและเอฟเฟ็กต่างๆ……
ประโยชน์ที่จะนำไปใช้ในการทำงานกลุ่ม………ช่วยในการตักแต่งภาพต่างๆในตอนต้น………..
สิ่งที่จะไปค้นคว้าเพิ่มเติม……หัดใช้เทคนิกต่างๆไห้มากขึ้น……………………………………………………………………...
ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม…หน้าจะสอนไหไลเอียดกว่านี้………………………………………………………………………………...
________________________________________________
อาจารย์ประจำวิชา อาจารย์ชยการ คีรีรัตน์ อาจารย์นิสิต กันตพงศ์ ปิ่นปัทมเรขา
อาจารย์นิสิตมารีน่า จงเลิศเจษฎาวงศ์
บันทึกประจำวันที่ …….5./….11.…/….50.….
ชื่อ-นามสกุล…ด.ช.…กฤตภาส…ภิรมจิตรผ่อง….
ชั้น……………3/1………………เลขที่…………1………….
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเรียนการสอนในวันนี้………ได้รู้จักกับโปรแกรม Ulead Video Studio และการสร้างภาพและเอฟเฟ็กต่างๆ……
ประโยชน์ที่จะนำไปใช้ในการทำงานกลุ่ม………ช่วยในการตักแต่งภาพต่างๆในตอนต้น………..
สิ่งที่จะไปค้นคว้าเพิ่มเติม……หัดใช้เทคนิกต่างๆไห้มากขึ้น……………………………………………………………………...
ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม…หน้าจะสอนไหไลเอียดกว่านี้………………………………………………………………………………...
________________________________________________
วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2550
เกณฑ์การไห้คะแนน
เต็ม 100
คะแนน
(10) 1 เวลา(2-5นาที)
(30) 2 น่าสนใจ/ความคิดสร้างสรรค์
(20) 3 คุณภาพ(เช่น ภาพสั่น/ไหว)
(20) 4 การสื่อสารได้ประโยชน์ Concept
(10) 5 การเริ่มต้น/การจบอย่างเหมาะสม Credit
(10) 6 ความพร้อม/การเตรียมทรัพยากรในการทำ เช่น บุคคล สถานที่ อุปกรณ์
คะแนน
(10) 1 เวลา(2-5นาที)
(30) 2 น่าสนใจ/ความคิดสร้างสรรค์
(20) 3 คุณภาพ(เช่น ภาพสั่น/ไหว)
(20) 4 การสื่อสารได้ประโยชน์ Concept
(10) 5 การเริ่มต้น/การจบอย่างเหมาะสม Credit
(10) 6 ความพร้อม/การเตรียมทรัพยากรในการทำ เช่น บุคคล สถานที่ อุปกรณ์
วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2550
โฆษณา(ป้าจุก"โภชนา") ^o^ แบบร่าง
ความยาว : 1.30นาที-2นาที
5 วินาที : ฉากป้ายร้าน , ขายเป็นเวลา_ปี
10 " : รูปป้าจุก-ฉากดำ-แนะนำตัวสีขาว
15 " : ภาพตอนขายอาหาร+อาหาร 2ภาพ
20 " : "---------------" 2ภาพ
25 " : "---------------" 2ภาพ
30 " : "---------------" 2ภาพ
35 " : "---------------" 2ภาพ
40 " : ภาพสี-ภาพปัจจุบัน "เป็นหนัง"
5 วินาที : ฉากป้ายร้าน , ขายเป็นเวลา_ปี
10 " : รูปป้าจุก-ฉากดำ-แนะนำตัวสีขาว
15 " : ภาพตอนขายอาหาร+อาหาร 2ภาพ
20 " : "---------------" 2ภาพ
25 " : "---------------" 2ภาพ
30 " : "---------------" 2ภาพ
35 " : "---------------" 2ภาพ
40 " : ภาพสี-ภาพปัจจุบัน "เป็นหนัง"
วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2550
มนุษย์ลำปาง........
ในความเป็นมาในการค้าพบโบราณวัตถุสำคัญโดยเฉพาะฟอสซิลโฮโมอิเร็คตัสอายุประมาณ 5 แสนปี นับเป็นครั้งแรกของโลกที่พบฟอสซิล มนุษย์โบราณ โดยคนพื้นเมืองเจ้าของประเทศและเป็นการเปิดเผยโฉมหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับวิวัฒนาการ การเกิดขึ้นเป็นมนุษย์ในแผ่นดินไทยและในทวีปเอเชียโฮโม อิเร็คตัส ที่ค้นพบได้จากจังหวัดลำปาง น่าจะได้รับการขนานนามว่า “ มนุษย์สยาม “ (Siam Man) “ มนุษย์ลำปาง ” ( Lampang Man ) หรือ “ มนุษย์เกาะคา ” (KO-KHA Man) ตามแหล่งที่ค้นพบที่ตั้งของแหล่งที่ทำการสำรวจและขุดค้นอยู่ที่บริเวณเขาป่าหนามใกล้บ้านหาดปู่ด้าย ตำบลนาแส่ง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ลักษณะ ที่ตั้งเป็นซอกหลืบหินปูน หรือโพลงถ้ำที่บริเวณเพดานพังลงมาทีหลังในภูมิประเทศแบบคาสต์ (relative open rockshelter, kast cave in filling) ใกล้แม่น้ำวัง แหล่งซากดึกดำบรรพ์เขาป่าหนามนี้ มีสภาพพิเศษที่เอื้ออำนวยให้ซากดึกดำบรรพ์ถูกเก็บรักษาไว้ให้อยู่ในสภาพที่ดีพอสมควร โดยสารฟอสเฟตซึ่งเกิดจากมูลค้างคาวสลายตัวและห่อหุ้มซากกระดูกทั้งหลายเอาไว้ภายในหลืบ – ซอกของพื้นถ้ำ ทั้งนี้ เนื่องจากสารฟอสเฟต เป็นสารที่ไม่ละลายน้ำผิวดินหรือใต้ดินโฮโม อิเร็คตัส (Homo erectus) เป็นสายพันธ์มนุษย์ (Huminoid) มีวิวัฒนาการเมื่อประมาณ 1ล้านถึง 5 แสนปีมาแล้ว
"ตัวเงินตัวทอง"(^_^)
"ตัวเงินตัวทอง" หรือ "ตัวเหี้ย" เป็นสัตว์เลื้อยคลานในกลุ่ม monitor lizard
เหี้ยกลายเป็นภาษาที่ไม่สุภาพในที่สุด ทั้งที่แท้จริงแล้ว "เหี้ย" คือชื่อที่ถูกต้อง บรรพบุรุษของสกุลนี้ถือกำเนิดในช่วงปลายของยุคไดโนเสาร์เมื่อประมาณ 65 ล้านปีก่อน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนกระทั่งเหลืออยู่ปัจจุบันประมาณ 67 ชนิดใน 3 ทวีปคือ ออสเตรเลีย เอเชีย และแอฟริกา สำหรับชนิดที่มีความยาวมากที่สุด 2 อันดับแรกอยู่ในทวีปเอเชีย คือ
มังกรโคโมโด (Varanus komodoensis) ในประเทศอินโดนีเซีย ส่วนตัวเหี้ย ยาวเป็นอันดับที่สอง มีความยาวได้ถึง 2.5-3 เมตร
ตัวเหี้ย (Varanus salvator) หรือชื่อสากลว่า water monitor มีรูปร่างดูคล้ายกิ้งก่าขนาดใหญ่ ปลายลิ้นแยกเป็นสองแฉกคล้ายงู ใช้สำหรับรับกลิ่นต่างๆ รอบตัว ชอบอาศัยอยู่บริเวณใกล้แหล่งน้ำ พบได้ทั้งในบริเวณแหล่งน้ำจืดและน้ำเค็ม เช่น ป่าจากและป่าชายเลน ว่ายน้ำเก่งกว่าเพื่อนๆ ในสกุลเดียวกัน ดำน้ำได้นาน เวลาที่ตกใจหรือเจอศัตรูมักจะหนีลงน้ำไปอย่างรวดเร็ว ชอบหากินของเน่าเปื่อย เศษซากอาหาร บางครั้งก็จะกินสัตว์เป็นๆ เช่นไก่หรือเป็ดที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้
ในประเทศไทย เพื่อนๆ ของตัวเหี้ยยังมีอยู่อีก 3 ชนิด
ตะกวด (Varanus bengalensis nebulosus) หรือภาษาอีสานเรียกว่า "แลน" คนมักเข้าใจผิดว่าเป็นตัวเหี้ยเสมอ ตะกวดจะมีสีเรียบออกโทนสีน้ำตาลทั้งตัว ขณะที่ลำตัวของตัวเหี้ยเป็นสีดำมีลายดอกสีเหลืองเรียงอยู่อย่างมีระเบียบ รูปร่างส่วนใหญ่อาจจะดูคล้ายกัน แต่เมื่อสังเกตที่รูจมูกของตะกวด จะเห็นว่าอยู่ห่างจากปลายปากมาก ต่างจากตัวเหี้ยซึ่งรูจมูกอยู่ใกล้ปลายปากมาก ทั้งนี้เพราะกระบวนการวิวัฒนาการของรูปร่างนั่นเอง จมูกที่ใกล้ปลายปากทำให้ตัวเหี้ยสามารถอยู่ในน้ำได้นาน เวลาที่มันดำน้ำมันไม่ต้องเสียเวลาโผล่ขึ้นมาหายใจทั้งหัว เพียงแค่โผล่ส่วนปลายของหัวขึ้นมาก็หายใจได้แล้ว ขณะที่สายตายังคงกวาดหาเหยื่อในน้ำต่อไปได้ ส่วนตะกวดนั้นอาศัยอยู่ตามที่ดอน ห่างจากแหล่งน้ำออกมา ใช้ปากในการขุดคุ้ยอาหารซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกแมลงต่างๆ และสัตว์ขนาดเล็กๆ จมูกของมันจึงต้องอยู่ห่างจากปลายปากออกมา สองชนิดนี้เป็นชนิดที่พบได้ง่ายและพบได้ทั่วประเทศไทย
เห่าช้าง (Varanus rudicollis) และตุ๊ดตู่ (Varanus dumerilii) พบทางแถบตอนใต้ของประเทศไทยเท่านั้น เห่าช้างฟังชื่อดูคล้ายงูเห่า แต่จริงๆ แล้วเป็นกลุ่มเดียวกับตะกวดและตัวเหี้ย เกล็ดที่คอดูคล้ายๆ หนามของทุเรียน ตัวสีดำมัน มีจุดสีเหลืองบ้างประปราย ชื่อเห่าช้างได้มาจากเสียงที่ใช้ขู่ศัตรู ฟังดูคล้ายเสียงขู่ของงูเห่า เชื่อกันว่าน้ำลายมีพิษ หากถูกกัดจะเป็นอันตรายถึงตายได้ ที่จริงแล้วเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะสัตว์ในสกุลนี้ไม่มีต่อมพิษเช่นพวกงู ดังนั้นอันตรายที่เกิดขึ้น เป็นเพราะบาดแผลสกปรก ไม่รักษาความสะอาดและติดเชื้อเท่านั้น ส่วนเพื่อนชนิดสุดท้ายของตัวเหี้ยคือ ตุ๊ดตู่ เป็นชนิดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย เกล็ดที่คอแบนราบมีขนาดใหญ่ เมื่อออกมาจากไข่ 1-2 สัปดาห์แรกจะมีสีสันที่หัวเป็นสีส้ม สวยงามมาก จากนั้นสีส้มนี้จะค่อยๆ จางหายไป นิสัยรักสงบ ไม่ดุร้าย
สัตว์สกุลนี้หากินแตกต่างกันตามแหล่งที่อยู่อาศัย ตัวเหี้ยจะกินทั้งซากและสัตว์เป็น ทั้งปู หอย งู หนู ไก่ นก และไข่ของสัตว์ต่างๆ รวมทั้งปลา ส่วนเห่าช้างและตุ๊ดตู่ จะกินอาหารที่มีขนาดเล็กกว่าอาหารโปรดของตัวเหี้ย ส่วนมากจะเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ห่างจากแหล่งชุมชน ขณะที่ตะกวดจะกินแมลงตามเปลือกไม้เป็นอาหาร รวมทั้งไข่ของสัตว์อื่นๆ ที่มีขนาดพอดีกับความกว้างของปาก
เมื่อถึงช่วงผสมพันธุ์ในฤดูฝน ตัวเหี้ยจะจับคู่กันโดยไม่เลือกว่าคู่จะต้องเป็นตัวเดิม บางครั้งอาจมีการต่อสู้รุนแรงระหว่างตัวเหี้ยเพศผู้เพื่อแย่งชิงตัวเมีย โดยปกติแล้ว ไข่จะมีลักษณะรียาว บางครั้งจะสีขาวขุ่น จำนวนมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับขนาดและชนิดของแม่พันธุ์ ตัวเหี้ยส่วนใหญ่จะวางไข่ประมาณ 6-30 ฟองหรืออาจจะถึง 50 ฟอง ในขณะที่ตุ๊ดตู่วางไข่ครั้งละประมาณ 4-14 ฟอง ในแต่ละปีจะสามารถวางไข่ได้ 2-3 ครั้ง หรืออาจมากกว่านั้นในพื้นที่ซึ่งสภาพในฤดูแล้งและฤดูฝนไม่แตกต่างกัน ไข่จะถูกกลบเป็นเนินดินหรือรังปลวก เวลาในการฟักขึ้นกับชนิดและสภาพแวดล้อม
ปัจจุบันสัตว์สกุลนี้ถูกคุกคามอย่างหนัก ทั้งจากการตัดไม้ทำลายป่าซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเห่าช้างและตุ๊ดตู่ หนำซ้ำยังมีการล่าจากพวกพ่อค้าสัตว์ป่าด้วย เพื่อเป็นอาหารและนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง แม้ว่าขณะนี้จำนวนตัวเหี้ยและตะกวดจะยังมีมากกว่าเห่าช้างและตุ๊ดตู่ก็ตาม แต่สถานภาพของทั้งคู่ก็น่าเป็นห่วง ยิ่งเมื่อพื้นที่ชุ่มน้ำหลายแห่งถูกแปรสภาพเป็นตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทาง หรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่รองรับการขยายถิ่นฐานของคนเรา ยิ่งทำให้ที่อยู่อาศัยของพวกมันลดน้อยลง นอกจากนั้น ค่านิยมในการนำหนังของตัวเหี้ยและตะกวดมาทำกระเป๋าและเครื่องหนังต่างๆ ส่งผลให้ในอนาคตเราอาจจะไม่เห็นสัตว์สกุลนี้ในธรรมชาติก็เป็นได้ เหมือนที่เกิดขึ้นกับจระเข้ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่แต่ในฟาร์มเพาะเลี้ยงเท่านั้น ...
เหี้ยกลายเป็นภาษาที่ไม่สุภาพในที่สุด ทั้งที่แท้จริงแล้ว "เหี้ย" คือชื่อที่ถูกต้อง บรรพบุรุษของสกุลนี้ถือกำเนิดในช่วงปลายของยุคไดโนเสาร์เมื่อประมาณ 65 ล้านปีก่อน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนกระทั่งเหลืออยู่ปัจจุบันประมาณ 67 ชนิดใน 3 ทวีปคือ ออสเตรเลีย เอเชีย และแอฟริกา สำหรับชนิดที่มีความยาวมากที่สุด 2 อันดับแรกอยู่ในทวีปเอเชีย คือ
มังกรโคโมโด (Varanus komodoensis) ในประเทศอินโดนีเซีย ส่วนตัวเหี้ย ยาวเป็นอันดับที่สอง มีความยาวได้ถึง 2.5-3 เมตร
ตัวเหี้ย (Varanus salvator) หรือชื่อสากลว่า water monitor มีรูปร่างดูคล้ายกิ้งก่าขนาดใหญ่ ปลายลิ้นแยกเป็นสองแฉกคล้ายงู ใช้สำหรับรับกลิ่นต่างๆ รอบตัว ชอบอาศัยอยู่บริเวณใกล้แหล่งน้ำ พบได้ทั้งในบริเวณแหล่งน้ำจืดและน้ำเค็ม เช่น ป่าจากและป่าชายเลน ว่ายน้ำเก่งกว่าเพื่อนๆ ในสกุลเดียวกัน ดำน้ำได้นาน เวลาที่ตกใจหรือเจอศัตรูมักจะหนีลงน้ำไปอย่างรวดเร็ว ชอบหากินของเน่าเปื่อย เศษซากอาหาร บางครั้งก็จะกินสัตว์เป็นๆ เช่นไก่หรือเป็ดที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้
ในประเทศไทย เพื่อนๆ ของตัวเหี้ยยังมีอยู่อีก 3 ชนิด
ตะกวด (Varanus bengalensis nebulosus) หรือภาษาอีสานเรียกว่า "แลน" คนมักเข้าใจผิดว่าเป็นตัวเหี้ยเสมอ ตะกวดจะมีสีเรียบออกโทนสีน้ำตาลทั้งตัว ขณะที่ลำตัวของตัวเหี้ยเป็นสีดำมีลายดอกสีเหลืองเรียงอยู่อย่างมีระเบียบ รูปร่างส่วนใหญ่อาจจะดูคล้ายกัน แต่เมื่อสังเกตที่รูจมูกของตะกวด จะเห็นว่าอยู่ห่างจากปลายปากมาก ต่างจากตัวเหี้ยซึ่งรูจมูกอยู่ใกล้ปลายปากมาก ทั้งนี้เพราะกระบวนการวิวัฒนาการของรูปร่างนั่นเอง จมูกที่ใกล้ปลายปากทำให้ตัวเหี้ยสามารถอยู่ในน้ำได้นาน เวลาที่มันดำน้ำมันไม่ต้องเสียเวลาโผล่ขึ้นมาหายใจทั้งหัว เพียงแค่โผล่ส่วนปลายของหัวขึ้นมาก็หายใจได้แล้ว ขณะที่สายตายังคงกวาดหาเหยื่อในน้ำต่อไปได้ ส่วนตะกวดนั้นอาศัยอยู่ตามที่ดอน ห่างจากแหล่งน้ำออกมา ใช้ปากในการขุดคุ้ยอาหารซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกแมลงต่างๆ และสัตว์ขนาดเล็กๆ จมูกของมันจึงต้องอยู่ห่างจากปลายปากออกมา สองชนิดนี้เป็นชนิดที่พบได้ง่ายและพบได้ทั่วประเทศไทย
เห่าช้าง (Varanus rudicollis) และตุ๊ดตู่ (Varanus dumerilii) พบทางแถบตอนใต้ของประเทศไทยเท่านั้น เห่าช้างฟังชื่อดูคล้ายงูเห่า แต่จริงๆ แล้วเป็นกลุ่มเดียวกับตะกวดและตัวเหี้ย เกล็ดที่คอดูคล้ายๆ หนามของทุเรียน ตัวสีดำมัน มีจุดสีเหลืองบ้างประปราย ชื่อเห่าช้างได้มาจากเสียงที่ใช้ขู่ศัตรู ฟังดูคล้ายเสียงขู่ของงูเห่า เชื่อกันว่าน้ำลายมีพิษ หากถูกกัดจะเป็นอันตรายถึงตายได้ ที่จริงแล้วเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะสัตว์ในสกุลนี้ไม่มีต่อมพิษเช่นพวกงู ดังนั้นอันตรายที่เกิดขึ้น เป็นเพราะบาดแผลสกปรก ไม่รักษาความสะอาดและติดเชื้อเท่านั้น ส่วนเพื่อนชนิดสุดท้ายของตัวเหี้ยคือ ตุ๊ดตู่ เป็นชนิดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย เกล็ดที่คอแบนราบมีขนาดใหญ่ เมื่อออกมาจากไข่ 1-2 สัปดาห์แรกจะมีสีสันที่หัวเป็นสีส้ม สวยงามมาก จากนั้นสีส้มนี้จะค่อยๆ จางหายไป นิสัยรักสงบ ไม่ดุร้าย
สัตว์สกุลนี้หากินแตกต่างกันตามแหล่งที่อยู่อาศัย ตัวเหี้ยจะกินทั้งซากและสัตว์เป็น ทั้งปู หอย งู หนู ไก่ นก และไข่ของสัตว์ต่างๆ รวมทั้งปลา ส่วนเห่าช้างและตุ๊ดตู่ จะกินอาหารที่มีขนาดเล็กกว่าอาหารโปรดของตัวเหี้ย ส่วนมากจะเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ห่างจากแหล่งชุมชน ขณะที่ตะกวดจะกินแมลงตามเปลือกไม้เป็นอาหาร รวมทั้งไข่ของสัตว์อื่นๆ ที่มีขนาดพอดีกับความกว้างของปาก
เมื่อถึงช่วงผสมพันธุ์ในฤดูฝน ตัวเหี้ยจะจับคู่กันโดยไม่เลือกว่าคู่จะต้องเป็นตัวเดิม บางครั้งอาจมีการต่อสู้รุนแรงระหว่างตัวเหี้ยเพศผู้เพื่อแย่งชิงตัวเมีย โดยปกติแล้ว ไข่จะมีลักษณะรียาว บางครั้งจะสีขาวขุ่น จำนวนมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับขนาดและชนิดของแม่พันธุ์ ตัวเหี้ยส่วนใหญ่จะวางไข่ประมาณ 6-30 ฟองหรืออาจจะถึง 50 ฟอง ในขณะที่ตุ๊ดตู่วางไข่ครั้งละประมาณ 4-14 ฟอง ในแต่ละปีจะสามารถวางไข่ได้ 2-3 ครั้ง หรืออาจมากกว่านั้นในพื้นที่ซึ่งสภาพในฤดูแล้งและฤดูฝนไม่แตกต่างกัน ไข่จะถูกกลบเป็นเนินดินหรือรังปลวก เวลาในการฟักขึ้นกับชนิดและสภาพแวดล้อม
ปัจจุบันสัตว์สกุลนี้ถูกคุกคามอย่างหนัก ทั้งจากการตัดไม้ทำลายป่าซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเห่าช้างและตุ๊ดตู่ หนำซ้ำยังมีการล่าจากพวกพ่อค้าสัตว์ป่าด้วย เพื่อเป็นอาหารและนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง แม้ว่าขณะนี้จำนวนตัวเหี้ยและตะกวดจะยังมีมากกว่าเห่าช้างและตุ๊ดตู่ก็ตาม แต่สถานภาพของทั้งคู่ก็น่าเป็นห่วง ยิ่งเมื่อพื้นที่ชุ่มน้ำหลายแห่งถูกแปรสภาพเป็นตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทาง หรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่รองรับการขยายถิ่นฐานของคนเรา ยิ่งทำให้ที่อยู่อาศัยของพวกมันลดน้อยลง นอกจากนั้น ค่านิยมในการนำหนังของตัวเหี้ยและตะกวดมาทำกระเป๋าและเครื่องหนังต่างๆ ส่งผลให้ในอนาคตเราอาจจะไม่เห็นสัตว์สกุลนี้ในธรรมชาติก็เป็นได้ เหมือนที่เกิดขึ้นกับจระเข้ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่แต่ในฟาร์มเพาะเลี้ยงเท่านั้น ...
วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2550
วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2550
วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2550
ตะกวด
ตะกวด(แลน)
สัตวเลื้อนคลาน
Clouded Monitor(Bengal Monitor)
ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Varanus bengalensis
ลักษณะทั่วไป พื้นตัวเป็นสีเทาเหลืองหรือน้ำตาลเทา เกล็ดเป็นสีเหลืองหรือเป็นจุด ๆ เมื่อมองผ่าน ๆ จึงดูตัวเป็นสีเหลือง ถิ่นอาศัย, อาหาร พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งอินเดียและพม่า ตะกวดกินไก่ นก ปลา กบ เขียด หนู กินได้ทั้งของสดและของเน่า พฤติกรรม, การสืบพันธุ์ ไม่ดุเท่าเหี้ย ชอบอาศัยอยู่ตามต้นไม้ แต่ว่ายน้ำและดำน้ำไม่เก่งเท่าเหี้ย ปกติชอบอยู่ใกล้น้ำเช่นเดียวกัน แต่บางทีอาจพบได้ตามป่าโปร่งและเนินเขาไกลจากลำน้ำ ตะกวดจะโตเต็มที่เมื่อมีอายุ 3 ปี วางไข่ครั้งละ 20 ฟองในฤดูฝน ฟักออกเป็นตัวง่าย ออกไข่ในหลุมดิน เช่นเดียวกับเหี้ย สถานภาพปัจจุบัน เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535
สัตวเลื้อนคลาน
Clouded Monitor(Bengal Monitor)
ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Varanus bengalensis
ลักษณะทั่วไป พื้นตัวเป็นสีเทาเหลืองหรือน้ำตาลเทา เกล็ดเป็นสีเหลืองหรือเป็นจุด ๆ เมื่อมองผ่าน ๆ จึงดูตัวเป็นสีเหลือง ถิ่นอาศัย, อาหาร พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งอินเดียและพม่า ตะกวดกินไก่ นก ปลา กบ เขียด หนู กินได้ทั้งของสดและของเน่า พฤติกรรม, การสืบพันธุ์ ไม่ดุเท่าเหี้ย ชอบอาศัยอยู่ตามต้นไม้ แต่ว่ายน้ำและดำน้ำไม่เก่งเท่าเหี้ย ปกติชอบอยู่ใกล้น้ำเช่นเดียวกัน แต่บางทีอาจพบได้ตามป่าโปร่งและเนินเขาไกลจากลำน้ำ ตะกวดจะโตเต็มที่เมื่อมีอายุ 3 ปี วางไข่ครั้งละ 20 ฟองในฤดูฝน ฟักออกเป็นตัวง่าย ออกไข่ในหลุมดิน เช่นเดียวกับเหี้ย สถานภาพปัจจุบัน เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)